Keep Searchin’ (We’ll Follow The Sun) : Del Shannon
ไม่มีใครจะมาเข้าใจได้ ถึงอะไรที่ฉันจักทำนั่น
ฉันกำลังหาที่ซ่อนสักแห่งพลัน สำหรับฉันกับสาวน้อยผู้เคียงกาย
หล่อนเจ็บปวดจากทารุณกรรม พวกเขาทำต่อหล่อนอย่างโหดร้าย
จงใจแยกสองเราให้ห่างหาย จึงเหลือหนึ่งสิ่งสุดท้ายต้องทำกัน
เราเดินหน้าเพื่อค้นหาเพื่อค้นหา สถานที่ซ่อนกายาของเรานั่น
ยังค้นหาค้นหาเป็นสำคัญ หล่อนจะอยู่เคียงข้างฉันด้วยกันไป
หากว่าเรายังมุ่งมั่น วิ่งด้วยกันไม่หวั่นไหว
เราจักตามตะวันไป ตามแสงช่วงดวงตะวัน
ไม่เป็นไรอย่าได้แคร์ พวกชอบแส่พูดว่านั้น
ด้วยว่าหล่อนเป็นของฉัน และฉันจะพาหล่อนหนี
จักเดินหน้าค้นหาไป ที่อาศัยอยู่สุขี
จักค้นหาค้นหานี้ ทุกทุกคืนและทุกวัน.
"Keep Searchin' (We'll Follow the Sun)" ประพันธ์โดย Del Shannon นักดนตรีร้อคแอนด์โรลชาวอเมริกัน เป็นเพลงที่เขาเขียนเอง เล่นเอง บันทึกไว้เมื่อปี 1964 ด้วยกุญแจ A minor. บอกเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มที่พยายามจะหาที่หลบซ่อนต้วที่ไหนสักแห่ง กับสาวคนรักคนที่เขาสงสารเธอจากการถูกล่วงละเมิด
Keep Searchin' ติดชาร์ต the Billboard Hot 100 นานถึง 14 สัปดาห์ ทำได้สูงสุดอันดับที่ 9 และเป็นอันดับ 3 ในชาร์ตเพลงของฝั่งอังกฤษ the UK's Record Retailer chart,และติด TOP 10 อีกหลายประเทศในยุโรป
Del Shannon (Charles Weedon Westover) เกิดที่ Michigan, โตมาแถบ Coopersville เคยฝึกเล่นอูคูเลเล่ กับ กีตาร์ ชอบฟังแนวเพลงคันทรี่ของ Hank Williams ปี 1954 สมัครเป็นทหารไปรบในเยอรมันได้มีโอกาสเล่นดนตรีกับวง The Cool Flames หลุดออกจากทหารไปเป็นเซลขายพรม ขับรถบรรทุกส่งเฟอร์นิเจอร์ให้โรงงานที่ มิชิแกน พร้อมทั้งเล่นดนตรีควบคู่ไปด้วยกับวง Doug DeMott's group และ The Moonlight Ramblers ที่ Hi-Lo Club ยุคนั้นเขาเฟื่องฟูมากเมื่อใช้ชื่อ Del Shannon ขี่รถหรูคู่กาย Cadillac Coupe de Ville ก่อนจะบินไปขุดทองที่มหานครนิวยอร์ค และดังเป็นพลุแตกกับ "Runaway" เพลงเก่งของเขา ติดอันดับ 1 ในปี 1961 และมีเพลงฮิตตามมาอย่าง "Little Town Flirt" ที่โด่งดังในประเทศอังกฤษมากกว่าบ้านเกิด ช่วงทัวร์ยุโรปในปี 1963 เขาได้เล่นโชว์ร่วมกับ The Beatles ที่เพิ่งประสบความสำเร็จในสหราชอาณาจักร ซึ่งประทับใจเขาจนได้นำเพลง "From Me to You" ของเดอะ บีทเทิลส์ มาทำใหม่ และถือเป็นศิลปินอเมริกันคนแรกที่คัฟเวอร์เพลงของ The Beatles
Del Shannon มีซิงเกิลท็อปเท็นเมื่อปลายปี 1964 กับเพลง Keep Searchin' ช่วงปลายทศวรรษ 1960 เขาเน้นผลิตผลงานให้ศิลปินอื่นๆ และพยายามกลับมาทำผลงานเพลงอีกครั้ง โดยมีการแสดงร่วมกับ Dave Edmunds ในทศวรรษ 1970 และบันทึกเสียงร่วมกับ Jeff Lynne วง Electric Light Orchestra แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก จนต้นทศวรรษ 1980 ได้ Tom Petty มาเป็นโปรดิวเซอร์ ออกผลงานอัลบั้ม ทำให้มีเพลงติดท็อป 40 อีกครั้ง เขาฆ่าตัวตายด้วยปืนไรเฟิล คาริเบอร์ .22 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ปี1990 ในขณะใช้ยาต้านอาการเศร้าซึม
Shannonได้รับเกียรติบันทึกชื่อลงใน the Rock and Roll Hall of Fame เมื่อปี 1999 และ the Michigan Rock and Roll Legends Hall of Fame ในปี 2005.
คลิปภาพ : Lamborghini Aventador S: Dare your EGO
Видео Keep Searchin’ (We’ll Follow The Sun) : Del Shannon канала วิทวัส สระทองคำ
ฉันกำลังหาที่ซ่อนสักแห่งพลัน สำหรับฉันกับสาวน้อยผู้เคียงกาย
หล่อนเจ็บปวดจากทารุณกรรม พวกเขาทำต่อหล่อนอย่างโหดร้าย
จงใจแยกสองเราให้ห่างหาย จึงเหลือหนึ่งสิ่งสุดท้ายต้องทำกัน
เราเดินหน้าเพื่อค้นหาเพื่อค้นหา สถานที่ซ่อนกายาของเรานั่น
ยังค้นหาค้นหาเป็นสำคัญ หล่อนจะอยู่เคียงข้างฉันด้วยกันไป
หากว่าเรายังมุ่งมั่น วิ่งด้วยกันไม่หวั่นไหว
เราจักตามตะวันไป ตามแสงช่วงดวงตะวัน
ไม่เป็นไรอย่าได้แคร์ พวกชอบแส่พูดว่านั้น
ด้วยว่าหล่อนเป็นของฉัน และฉันจะพาหล่อนหนี
จักเดินหน้าค้นหาไป ที่อาศัยอยู่สุขี
จักค้นหาค้นหานี้ ทุกทุกคืนและทุกวัน.
"Keep Searchin' (We'll Follow the Sun)" ประพันธ์โดย Del Shannon นักดนตรีร้อคแอนด์โรลชาวอเมริกัน เป็นเพลงที่เขาเขียนเอง เล่นเอง บันทึกไว้เมื่อปี 1964 ด้วยกุญแจ A minor. บอกเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มที่พยายามจะหาที่หลบซ่อนต้วที่ไหนสักแห่ง กับสาวคนรักคนที่เขาสงสารเธอจากการถูกล่วงละเมิด
Keep Searchin' ติดชาร์ต the Billboard Hot 100 นานถึง 14 สัปดาห์ ทำได้สูงสุดอันดับที่ 9 และเป็นอันดับ 3 ในชาร์ตเพลงของฝั่งอังกฤษ the UK's Record Retailer chart,และติด TOP 10 อีกหลายประเทศในยุโรป
Del Shannon (Charles Weedon Westover) เกิดที่ Michigan, โตมาแถบ Coopersville เคยฝึกเล่นอูคูเลเล่ กับ กีตาร์ ชอบฟังแนวเพลงคันทรี่ของ Hank Williams ปี 1954 สมัครเป็นทหารไปรบในเยอรมันได้มีโอกาสเล่นดนตรีกับวง The Cool Flames หลุดออกจากทหารไปเป็นเซลขายพรม ขับรถบรรทุกส่งเฟอร์นิเจอร์ให้โรงงานที่ มิชิแกน พร้อมทั้งเล่นดนตรีควบคู่ไปด้วยกับวง Doug DeMott's group และ The Moonlight Ramblers ที่ Hi-Lo Club ยุคนั้นเขาเฟื่องฟูมากเมื่อใช้ชื่อ Del Shannon ขี่รถหรูคู่กาย Cadillac Coupe de Ville ก่อนจะบินไปขุดทองที่มหานครนิวยอร์ค และดังเป็นพลุแตกกับ "Runaway" เพลงเก่งของเขา ติดอันดับ 1 ในปี 1961 และมีเพลงฮิตตามมาอย่าง "Little Town Flirt" ที่โด่งดังในประเทศอังกฤษมากกว่าบ้านเกิด ช่วงทัวร์ยุโรปในปี 1963 เขาได้เล่นโชว์ร่วมกับ The Beatles ที่เพิ่งประสบความสำเร็จในสหราชอาณาจักร ซึ่งประทับใจเขาจนได้นำเพลง "From Me to You" ของเดอะ บีทเทิลส์ มาทำใหม่ และถือเป็นศิลปินอเมริกันคนแรกที่คัฟเวอร์เพลงของ The Beatles
Del Shannon มีซิงเกิลท็อปเท็นเมื่อปลายปี 1964 กับเพลง Keep Searchin' ช่วงปลายทศวรรษ 1960 เขาเน้นผลิตผลงานให้ศิลปินอื่นๆ และพยายามกลับมาทำผลงานเพลงอีกครั้ง โดยมีการแสดงร่วมกับ Dave Edmunds ในทศวรรษ 1970 และบันทึกเสียงร่วมกับ Jeff Lynne วง Electric Light Orchestra แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก จนต้นทศวรรษ 1980 ได้ Tom Petty มาเป็นโปรดิวเซอร์ ออกผลงานอัลบั้ม ทำให้มีเพลงติดท็อป 40 อีกครั้ง เขาฆ่าตัวตายด้วยปืนไรเฟิล คาริเบอร์ .22 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ปี1990 ในขณะใช้ยาต้านอาการเศร้าซึม
Shannonได้รับเกียรติบันทึกชื่อลงใน the Rock and Roll Hall of Fame เมื่อปี 1999 และ the Michigan Rock and Roll Legends Hall of Fame ในปี 2005.
คลิปภาพ : Lamborghini Aventador S: Dare your EGO
Видео Keep Searchin’ (We’ll Follow The Sun) : Del Shannon канала วิทวัส สระทองคำ
Показать
Комментарии отсутствуют
Информация о видео
Другие видео канала
We Are The Champions : QueenRock Around The Clock : Bill Haley & His CometsA Holly Jolly Christmas : Lady AntebellumEl Condor Pasa (If I could) : Andy WilliamsGLORIA : Them (Van Morrison)That's All I Want From You : Skeeter Davis & Bobby BareWinchester Cathedral : The New Vaudeville BandIt's A Sin To Tell A Lie : The Ink SpotsSolitaire : The CarpentersLove is a many splendored thing : Connie FrancisLullaby : Dan SealsEternally : Sarah VaughanBilly Don't Be A Hero : Paper LaceSecret Agent Man : Johnny RiversYou Decorated My Life : Kenny RogersMY GIRL : The TemptationsLove Is a Battlefield : Pat BenatarNo Matter What : Def LeppardDELILAH : Tom JonesSOUTHERN NIGHTS : Glen Campbell